เมื่อเวลา 13.10 น. วันที่ 12 ก.ค. พ.ต.ท.สรรเพชญ กิตติธรรมโกศล สารวัตรเวร สภ.อ. เมืองสมุทรสาคร รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกจี้ชิงทรัพย์ห้างทองเพชรทองใบเยาวราช ตั้งอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส สาขามหาชัย หมู่ 7 ต.ท่าทราย จึงรายงานให้ พ.ต.ท. ธีระเดช อธิภัคกุล รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.ประสพชัย มัตสยะวณิชกูล สว.สส. พ.ต.ท.อดุลย์ ชายภักตร์ รอง ผกก.หน.กลุ่มงานสืบสวน บก.ภ.จ.สมุทรสาคร นำกำลังตำรวจ พร้อมเจ้าหน้าที่วิทยาการ ไปตรวจสอบ
ร้านทองที่เกิดเหตุตั้งอยู่ใกล้ประตูทางเข้าออกของห้าง มีประชาชนที่เข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าพากันมายืนมุงดูจำนวนมาก ภายในร้านพบนายเอกรินทร์ คันธหัตถีวงศ์ อายุ 42 ปี ผู้จัดการร้านทอง พร้อมพนักงานหญิงอีก 3 คน อยู่ในอาการตื่นตระหนก สอบสวนนายเอกรินทร์ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุนั่งอยู่หลังร้าน ส่วนหน้าร้านมีพนักงานหญิง 3 คน รอให้บริการลูกค้าอยู่ มีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 1 คน สวมเสื้อลายพรางแขนยาว สวมหมวกไหมพรมหลากสี เดินถือหมวกกันน็อกสีน้ำเงินเข้ามาในร้าน พร้อมชักปืน 9 มม. ออกมาข่มขู่ให้ทุกคนห้ามส่งเสียง ร้องและห้ามกดสัญญาณเตือนภัย ก่อนส่งกระเป๋าสะพายสีดำให้พนักงานหยิบสร้อยคอทองคำและสร้อยข้อมือทองคำขนาดต่างๆที่แขวนอยู่ในตู้โชว์ ทั้งหมดเกือบ 100 เส้น น้ำหนักรวมประมาณ 180 บาท มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ใส่กระเป๋าเดินออกจากร้านหลบหนีไป ขณะเกิดเหตุเห็นเหตุการณ์ในกล้องทีวีวงจรปิดตลอดเวลา แต่ไม่กล้าออกมาหน้าร้าน เพราะกลัวและตกใจมาก
ด้าน น.ส.สุชาดา จันทร์ศรี อายุ 24 ปี พนักงานร้านทองให้การว่า ขณะเกิดเหตุอยู่หน้าร้านกับเพื่อนพนักงานอีก 2 คน คือ น.ส.เกวรี พลวัฒน์ อายุ 20 ปี และ น.ส.วรรณา สว่างศรี อายุ 21 ปี มีคนร้ายถือหมวกกันน็อกเข้ามาในร้าน ชักปืนออกมาจี้บังคับให้เพื่อนทั้ง 2 คนนอนหมอบลงไปที่พื้น พร้อมสั่งว่าห้ามส่งเสียงร้อง หรือกดสัญญาณเตือนภัย ก่อนยื่นกระเป๋ามาให้ตนกวาดทอง รูปพรรณในตู้โชว์ใส่เข้าไปจนพอใจก็บอกให้ส่งกระเป๋าคืนแล้วรีบเดินออกจากร้านไปทันที เมื่อคนร้ายออกไปแล้วจึงกดสัญญาณเตือนภัยของห้างพร้อมกับแจ้งตำรวจทราบ ภายหลังได้มีนายบุญธรรม เพชรดำรงชัย อายุ 44 ปี เจ้าของร้านทอง อยู่บ้านเลขที่ 119 หมู่ 7 ต.ท่าทราย อ.เมืองสมุทรสาคร เดินทางมาดูที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า เปิดร้านที่ห้างดังกล่าวมานานเกือบ 4 ปี เพิ่งเจอเหตุร้ายเป็นครั้งแรก
ต่อมาตำรวจรับแจ้งจากนายเอนก ศรีจำปา อายุ 27 ปี พนักงานบริษัทบีโอเทคที่มารับซ่อมรถเข็นของห้างโลตัสว่า เห็นคนร้ายปีนกำแพงหนีออกไปทางหลังห้าง พร้อมใช้ปืนยิงขึ้นฟ้า 1 นัด ข่มขู่ไม่ให้ใครติดตาม นอกจากนี้มีพยานเห็นว่าหลังจากคนร้ายปีนกำแพงออกมาแล้วได้วิ่งไปขึ้นรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีดำ ไม่ทราบรุ่น และหมายเลขทะเบียน ที่มีพรรคพวกจอดรออยู่บริเวณโรงเรียน อนุบาลศุภมาศพากันหลบหนีไป ตำรวจตรวจสอบบริเวณหลังห้างพบปลอกกระสุนปืน 9 มม. ตกอยู่ริมกำแพง 1 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

พ.ต.ท.ประสพชัย มัตสยะวณิชกูล สว.สส. สภ.อ. เมืองสมุทรสาคร พร้อมฝ่ายสืบสวนนำเทปวงจรปิดภายในร้านมาตรวจสอบ พบว่า คนร้ายใช้เวลาปฏิบัติการเพียง 3 นาที โดยอาศัยจังหวะที่ไม่มีลูกค้าเข้ามาในร้านและผู้จัดการร้านอยู่หลังร้าน ลงมือบุกเดี่ยวจี้ชิงทอง คาดว่าเคยมาดูลาดเลา และวางแผนหาทางหนีทีไล่ไว้ล่วงหน้าแล้วจึงกล้าลงมืออย่างอุกอาจโดยไม่แคร์สายตาประชาชนจำนวนมากที่มาจับจ่ายซื้อของในห้าง เจ้าหน้าที่วิทยาการจึงเก็บลายนิ้วมือแฝงตามตู้โชว์ภายในร้านทองไว้ตรวจสอบตามล่าตัวโจรแสบรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป
หลังใช้เวลาสืบสวนหาเบาะแสคนร้ายเพียงชั่วข้ามคืน โดยอาศัยภาพถ่ายจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในร้าน ที่บันทึกภาพใบหน้าคนร้ายไว้ได้อย่างชัดเจน ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เสนอออกหมายจับผู้ต้องหารายนี้แล้ว
โดยเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 ก.ค. พล.ต.ต. สุชีพ หนูนาง ผบก.ภ.จ.สมุทรสาคร ได้เรียกประชุมทีมสืบสวนของ สภ.อ.เมืองสมุทรสาคร และ กก.สส.ภ.7 เพื่อสรุปความคืบหน้าของคนร้ายที่ก่อเหตุปล้นห้างทองเพชรทองใบเยาวราช ในห้างเทสโก้ โลตัส สาขามหาชัย โดยใช้เวลาประชุมกันนานจนถึงเวลา 12.00 น. จึงเสร็จสิ้น โดยพนักงานสอบสวน สภ.อ.เมืองสมุทรสาคร ได้สรุปข้อมูลหลักฐานนำไปเสนอต่อศาลจังหวัดสมุทรสาคร ขออนุมัติออกหมายจับนายสมศักดิ์ จิ๋วสกุล อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/2 หมู่ 3 ต.งิ้วราย อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เป็นผู้ต้องหาในคดีนี้

ทั้งนี้ พล.ต.ต.สุชีพ หนูนาง ผบก.ภ.จ.สมุทรสาครกล่าวว่า ได้มีการประสานตรวจสอบข้อมูลรูปถ่ายทะเบียนประวัติอาชญากรของกลุ่มผู้ต้องสงสัยในพื้นที่ พบว่ารูปจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดไปตรงกับ นายสมศักดิ์ จิ๋วสกุล อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์หลายท้องที่ของจ.นครปฐม และผู้ต้องหาคดีฆ่าบีบคอหญิงสาวในโรงแรมย่าน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เมื่อช่วงต้นปี 49 อยู่ ระหว่างหลบหนีการประกันตัวในชั้นศาล ทั้งใบหน้า ส่วนสูง ตลอดจนเครื่องแต่งกายทุกอย่างชัดเจนมาก จึงเป็นที่มาของการขออนุมัติออกหมายจับและตามไปตรวจค้นที่บ้านใน ต.งิ้วราย อ.นครชัยศรี จ.นครปฐมแต่ไม่พบตัว ได้นำตัวภรรยาของนายสมศักดิ์มาสอบสวนอยู่ระหว่างการขยายผลอยู่ว่ายังมีแหล่งกบดานอยู่ที่ไหนบ้าง คาดว่าในเร็วๆนี้น่าจะได้ตัวมาดำเนินคดี
ด้านชุดสืบสวนเผยว่า นายสมศักดิ์ จิ๋วสกุล มีประวัติเคยก่อคดีชิงทรัพย์ในท้องที่ สภ.อ.เมืองนครปฐม และ สภ.อ.นครชัยศรีหลายคดี หลังพ้นโทษก็มาทำงานเป็นคนเก็บค่าน้ำประปาในหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.นครชัยศรี ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 49 ได้ออกอุบายลวงนางปาลิตา สวัสดิ์ภูมิ อายุ 28 ปี ผู้ช่วยพยาบาลโรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านบางแค ซึ่งมีความสนิทสนมกันไปร่วมหลับนอนที่โรงแรมอมรอินน์ ถนนเพชรเกษม ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ก่อนจะใช้มือบีบคอจนนางปาลิตาเสียชีวิตคาห้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุมตัวนายสมศักดิ์ได้เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 49 สารภาพว่าหึงหวงที่ผู้ตายคิดจะตีจากไปอยู่กับชายอื่น พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนเสนออัยการสั่งฟ้อง ต่อมาได้รับการประกันตัวในชั้นศาลก่อนจะหนีประกันไปเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
หลังเกิดเหตุปล้นร้านทองและได้เบาะแสเกี่ยวกับตัวนายสมศักดิ์แล้ว ทางชุดสืบสวนได้นำตัวคนใกล้ชิดกับนายสมศักดิ์มาสอบสวน ระบุว่า ช่วงก่อนที่นายสมศักดิ์จะหนีประกันตัวชั้นศาลคดีฆ่านางปาลิตา นายสมศักดิ์เคยปรับทุกข์ให้ฟังว่า ต้องรับโทษหนักมาก และมีคดีติดตัวหลายคดีที่ยังไม่สิ้นสุด โอกาสรอดพ้นตารางคงยาก จะต้องหาเงินให้ได้ก้อนใหญ่เพื่อจะหนีคดีไปให้ไกลๆ มีการจัดเตรียมเสื้อผ้า พร้อมวิกผมและหมวกแก๊ปไว้พร้อมสรรพ ก่อนจะหายหน้าไปประมาณ 1 เดือน และกลับมาก่อคดีขึ้นจริงๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดมาให้พยานรายนี้ดูก็ยืนยันว่าเป็นนายสมศักดิ์จริง ทั้งเสื้อผ้าที่สวมใส่และวิกผมตรงกับที่พยานเคยเห็นก่อนหน้านี้ ล่าสุดมีรายงานว่าชุดสืบสวนได้เดินทางไปที่บ้านภรรยาอีกคนของนายสมศักดิ์ที่ จ.มหาสารคามแล้ว ส่วนห้างทองเพชรทองใบเยาวราชก็เปิดให้บริการตามปกติ มีประชาชนให้ความสนใจเดินทางมาอุดหนุนจำนวนหนึ่ง ขณะที่หน้าร้านก็มีตำรวจสายตรวจ 2 นายไปคอยดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย
รายงานข่าวโดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม 2549