5แอปนำทาง
1. Google Maps
เชื่อว่าเป็นแอปแรกๆ ที่ทุกคนมีติดเครื่องสมาร์ทโฟนไว้ นอกจากความใหม่สดในการค้นหาสถานที่ มันยังสามารถบอกได้แม่นยำ พร้อมพัฒนาความสามารถใหม่ ๆ ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ Google Maps ความสามารถสำคัญที่ Google Maps ที่ลงตัวกับคนกรุงเทพฯ สุดๆ คือการแสดงข้อมูลจราจรผ่านระบบป้ายจราจรอัจฉริยะ กับระบบนำทางด้วยรถสาธารณะ ไม่ว่าจะรถประจำทาง รถไฟฟ้าหรือเรือโดยสารก็ตาม นอกจากนี้ ยังบอกจุดความช่วยเหลืออย่าง ปั้มน้ำมัน ร้านอาหาร ซุเปอร์มาร์เก็ต หรือแม้แต่ร้านกาแฟ
2. Sygic
แอปนำทางที่ล้ำสมัยที่สุดของโลก แชร์เส้นทางด้วย Glympse แชร์แผนเส้นทางของคุณ ประเมินเวลาถึงที่หมาย และตำแหน่งบนแผนที่แบบเรียลไทม์ แจ้งเตือนค่าจอดรถ ช่วยเตือนคุณเมื่อใกล้หมดเวลาจอด คุณจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าจอดเพิ่มจุดเด่นของ แอป Sygic คือสามารถใช้ด้วยระบบโหมด Offline ได้ ขณะใช้งานหน้าตาแผนที่เป็นแบบสามมิติทั้งตึก สถานที่ รองรับระบบนำทางด้วยเสียงภาษาไทย แจ้งทางเลี้ยว ทางเบี่ยง และสิ่งที่พิเศษสุดคือ บอกโค้งอันตราย จุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย เส้นทางลัด เส้นทางสำรอง พิเศษด้วยระบบฉายภาพแบบ Head up Display เสมือนจอโปรเจกเตตอร์ให้คุณสะดวกในการใช้งานขณะขับยามค่ำคืน แต่ถ้าต้องการระดับพรีเมี่ยมอาจต้องซื้อในราคา 599 บาท
3. Locus Map
ใครที่ชอบเดินป่า ปีนาเขา หรือผจญภันแนวแอดเวนเจอร์ ต้องมีแอปแผนที่ Locus Map ติดเครื่องไว้ เพราะเด่นในการบอกทางเรื่องแผนที่ภูมิประเทศที่ชัดเจน ไม่ว่าจะตำแหน่งต้นไม้ ทางเดินน้ำ รองรับการปักหมุดทีละจุด เพื่อเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุด ขณะเดิน สามารถเลือกแสดงผลแบบเข็มทิศได้ ที่สำคัญยังมีฟีเจอร์สำหรับนักปั่น รองรับการบันทึกข้อมูลความเร็วในการปั่นจักรยานด้วย รวมทั้งบันทึกตำแหน่งในการเดินทางของเรา และฟีเจอร์อื่นๆ ไม่ว่าตัวแผนที่ การนำทางขับรถด้วยเสียง Locus Map ก็มีให้แบบครบเครื่อง
4. Route 66 Navigator
ชื่อนี้ไม่ได้หมายถึงสถานที่เที่ยวแต่อย่างใด สำหรับ Route 66 นั้นสามารถโหลดแผนที่ได้เร็วแบบเดียวกับ Google Maps รองรับแผนที่สามมิติ พร้อมกับเรียกข้อมูลจาก Wikipedia หากสถานที่นั้น ๆ มีข้อมูลบนเว็บ ในส่วนของการนำทางนั้น แอปจะแจ้งข้อมูลป้ายจราจร ทางเบี่ยง ทางแยก แสดงสภาพจราจรปัจจุบันได้ รวมถึงรองรับการนำทางแบบเดินเท้า และการใช้งาน Route 66 จะเสียค่าใช้จ่ายแบบรายปี ให้เหมาใช้กันนานๆ ไปเลย
5. MapFactor GPS Navigation
แอปแผนที่หน้าตาเรียบง่าย เน้นการใช้งานเพื่อการนำทางเป็นหลัก ที่สำคัญไม่ต้องเชื่อมต่อ 4G มีการแจ้งการนำทางด้วยเสียง แจ้งทางเบี่ยงได้ มีฟีเจอร์สำหรับบันทึกเส้นทางที่ใช้นำทางล่าสุด รองรับการสั่งงานด้วยเสียง ไม่ว่าจะการนำทาง หรือการหาสถานที่ และปรับมุมมองแบบกลางวันหรือกลางคืนขณะใช้งานได้อีกด้วย
ที่มา: ananda