แนะนำโปรแกรม แอพพลิเคชั่น ที่จะช่วยให้คุณสะดวกสบายมากขึ้น

แนะนำโปรแกรม แอพพลิเคชั่น ที่จะช่วยให้คุณสะดวกสบายมากขึ้น

5โปรแกรมทำเพลง ตัดต่อเสียง อัดเสียง ทำเพลงฟรี

5โปรแกรมทำเพลง

1. โปรแกรมตัดต่อเสียง Ashampoo Music Studio

โปรแกรมตัดต่อเสียง Ashampoo Music Studio เป็นโปรแกรมจากผู้พัฒนาสัญชาติ ‘เยอรมัน’ อย่าง ‘Ashampoo’ ที่มีชื่อเสียงในด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์มัลติมีเดียต่าง ๆ โดยโปรแกรม ‘Ashampoo Music Studio 2020’ จัดว่าเป็นซอฟต์แวร์ด้านบริหารจัดการดนตรี และ เสียงตัวหนึ่งที่ใช้งานได้ดี อาจไม่ถึงขั้นสามารถทำเพลงได้แบบมืออาชีพเหมือนโปรแกรม Ashampoo Music Studio 8 ที่มีรูปแบบลิขสิทธิ์เป็น แชร์แวร์ (Shareware) หรือเพื่อการค้า แต่ก็มีฟีเจอร์ที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการอัดเสียง การตัดต่อเสียง และการแปลงไฟล์เสียงต่าง ๆ ด้วยฟอร์แมตที่ต่างกันไป

จุดเด่นของโปรแกรม Ashampoo Music Studio 2020 คือความเรียบง่าย ไม่ยุ่งยาก มีหน้าตา User Interface ที่ทันสมัย สามารถแปลงไฟล์เสียง และทำ Track Audio เพื่อรวมเพลงอัดลงแผ่นซีดีไว้ใช้เปิดในงานสังสรรค์ต่าง ๆ อะไรแบบนี้ได้ แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งคือเครื่องมือในการ Edit เสียงค่อนข้างมีน้อย นอกจากนี้เราไม่สามารถที่จะอัดเสียงและตัดต่อเสียงไปพร้อมกันได้ ต้องอัดให้เสร็จเรียบร้อยก่อนและโยนไฟล์เข้าเครื่องมือตัดต่อ หลายคนอาจจะไม่สะดวกในส่วนนี้

2. โปรแกรมตัดต่อเสียง Ocenaudio

โปรแกรมตัดต่อเสียง Ocenaudio เป็นโปรแกรมจากผู้พัฒนาสัญชาติ บราซิล ซึ่งจัดว่าเป็นโปรแกรมด้านการตัดต่อเสียง อัดเสียง และ ทำเพลง ขนาดพกพาที่ใช้งานง่าย รองรับหลายระบบไม่ว่าจะเป็น Windows, macOS, Linux แถมยังมาพร้อมกับลูกเล่นของเสียง (Sound Effect) ให้เลือกใช้มากมายเช่น การตัดเสียงรบกวน (Noise Reduction), การปรับ อีควอไลเซอร์ (Equalizer หรือ EQ) เพื่อเพิ่มเสียงให้โดดเด่นโดยเฉพาะเวลาอัดเสียงร้องเพลง, การใส่ฟิลเตอร์เพื่อกรองเสียงต่าง ๆ และอื่น ๆ อีกมากมาย

ข้อดีอีกอย่างของโปรแกรม Ocenaudio คือการอัดเสียงและตัดต่อทำพร้อมกันได้แบบเรียลไทม์ ทำให้เราสามารถที่จะฟังเพื่อตัดช่วงที่ไม่ต้องใช้ได้เลย รวมถึงการใส่เอฟเฟคต่าง ๆ ก็สามารถปรับแต่งและทดสอบได้ตลอดการทำงาน ผู้ใช้ก็จะมีความสะดวกและอิสระในการตัดต่อ นอกจากนี้ตัวโปรแกรมยังรองรับ VST plugins support หรือสามารถติดตั้งปลั๊กอินเสริมที่เป็นฟอร์แมต VST เพื่อเพิ่มความสามารถ และ ลูกเล่นให้กับโปรแกรมในการตัดต่อได้ด้วย

3. โปรแกรมตัดต่อเสียง FL Studio

โปรแกรมตัดต่อเสียง FL Studio เดิมที มันถูกรู้จักในชื่อ “Fruity Loop” จัดว่าเป็นโปรแกรม Digital Audio Workstation (DAW) แบบเต็มตัว หน้าตาโปรแกรมอาจดูซับซ้อนสำหรับมือใหม่และไม่น่าจะเป็นแค่โปรแกรมอัดเสียงธรรมดาที่เรามองหา ซึ่งอันที่จริงแล้วโปรแกรม FL Studio ถือว่ามีชื่อเสียงพอสมควรสำหรับมือใหม่หัดทำเพลง เพราะมีฟังก์ชันช่วยอำนวยความสะดวกเยอะมาก ๆ รวมถึงมีปลั๊กอินเสริมแบบที่เรียกว่า ถ้าไม่เป็นมืออาชีพก็จบงานได้ (แต่ก็ต้องใช้เวลาฝึกฝนและศึกษาเล็กน้อย) โดยเฉพาะการทำเพลงแนว Remix หรือเพลงแนว Electronic (EDM, Dubstep) จะเหมาะมากถ้าใช้โปรแกรม FL Studio

อย่างไรก็ตาม หากใครกำลังมองหาโปรแกรมที่ใช้อัดเสียง ตัดต่อเสียงง่าย ๆ เราไม่แนะนำโปรแกรมนี้ เพราะมันมีเครื่องมือเยอะเกินความจำเป็น แต่ถ้าคุณกำลังมองหาความสนุกในการทำเพลงแบบง่าย ๆ หรือหาโปรแกรมที่จะทำให้เราสามารถอัดเสียงร้องเพลงเพราะ ๆ เราก็แนะนำ FL Studio ให้ใช้งานเลย

โดยตัวโปรแกรม FL Studio จัดว่าพัฒนาเพื่อการค้า แต่คุณสามารถที่จะใช้เวอร์ชัน Free Trial ได้แบบไม่จำกัดเวลาแต่จำกัดฟีเจอร์ ซึ่งพวกเครื่องมือต่าง ๆ เช่นการตัดต่อหรือใส่เอฟเฟคลูกเล่นก็มีให้ครบครันและมากมายอยู่แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องเสียเงินสักแดงเดียว แต่หากเราต้องการ Plug in เสริมก็ต้องซื้อเพิ่ม หรือซื้อตัวเวอร์ชันเต็ม ทั้งนี้โปรแกรม FL Studio จะรองรับการใช้งาน 2 ระบบ คือ Windows และ macOS ถ้าเกิดว่าสนใจก็ลองดาวน์โหลดไปใช้งานดูได้ ตัวโปรแกรมจะมีขนาดใหญ่พอสมควร หรือ 1.9 GB. เลยทีเดียว

4. โปรแกรมตัดต่อเสียง WavePad Audio Editor

โปรแกรมตัดต่อเสียง WavePad Audio Editor เป็นโปรแกรมที่พัฒนาโดย NCH จัดเป็นซอฟต์แวร์ด้านเสียงและเพลงระดับมืออาชีพ ประกอบไปด้วยคุณสมบัติที่ครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น การตัดต่อ การบันทึกเสียง การใส่เอฟเฟคเสียงต่าง ๆ อย่าง เอฟเฟคเสียงสะท้อน (Echo), การขยายเสียง (Amplification), การลดเสียงรบกวน (Noise reduction) เป็นต้น ซึ่งมีอย่างหนึ่งที่อยากบอกคือ

สำหรับเรื่องฟีเจอร์ต่าง ๆ ผู้เขียนคิดว่าโปรแกรม WavePad Audio Editor ถือเป็นลูกผสมระหว่าง Ashampoo Music Studio และโปรแกรม Ocenaudio ก็ว่าได้ เพราะด้วยเครื่องมือ และ ความสามารถในการตัดต่อเสียง อัดเสียง และใส่เอฟเฟคเสียงค่อนข้างเทียบเท่ากับ Ocenaudio ในขณะที่ฟังก์ชันการจัดการ Track Audio บนแผ่นซีดีและทำ Mix Track ก็มีเหมือนกับ Ashampoo Music Studio เลย

โดยรวมแล้วจัดว่าเป็นโปรแกรมที่ครบเครื่องด้านเสียงตัวหนึ่งแถมยัง Simple และ Easy to use พอสมควร ทำให้มันน่าจะถูกใจสายทำคอนเทนต์อยู่บ้าง โดยโปรแกรมสามารถที่จะรองรับไฟล์ต่าง ๆ มากกว่า 50 ฟอร์แมต และก็ใช้งานได้ทั้ง Windows และ Macs นอกจากนี้ยังมีในเวอร์ชัน iPhone, iPad และ Android ให้ใช้งานด้วยถ้าคุณสนใจก็ลองดาวน์โหลดไปใช้ได้ เป็นโปรแกรมฟรีสามารถใช้งานได้เรื่อย ๆ ไม่จำกัดเวลา

5. โปรแกรมตัดต่อเสียง Audacity

โปรแกรมตัดต่อเสียง Audacity เป็น โปรแกรมโอเพนซอร์ส (Open Source) ด้านงานแก้ไข และ บันทึกเสียงยอดนิยมที่ดูจากหน้าตาแล้วไม่ต้องพูดถึงเรื่องความเรียบง่าย สามารถตัดต่อไฟล์เสียงต่าง ๆ หรืออัดเสียงจากไมโครโฟน ได้อย่างรวดเร็ว และบันทึกออกมาเป็นไฟล์ตระกูลยอดนิยม เช่น ไฟล์ WAV ไฟล์ AIFF ไฟล์ MP3 และ ไฟล์ OGG ในคุณภาพต่าง 16-bit, 24-bit และ 32-bit ซึ่งผู้เขียนเองก็ใช้โปรแกรมนี้อยู่เป็นประจำด้วย นั่นเพราะว่ามันเป็นโปรแกรมที่มีขนาดเล็กและใช้งานได้ง่ายมาก ๆ ตัวไฟล์มีขนาดแค่ 33 MB เท่านั้น

นอกจากนี้โปรแกรมก็ยังสนับสนุนปลั๊กอิน LADSPA, LV2, Nyquist และ VST นั่นทำให้ความสามารถของมันไม่ใช่แค่การอัดเสียงธรรมดา ๆ แต่ถือได้ว่าเป็นโปรแกรมแต่งเพลงขนาดย่อมโปรแกรมหนึ่งเลยทีเดียว ที่สำคัญคือการใช้งานมันไม่ได้ซับซ้อนเหมือนโปรแกรมแต่งเพลงอื่น ๆ และก็ยังฟรีด้วย

นอกจากนี้เราก็สามารถที่จะประยุกต์ใช้งานได้หลายรูปแบบ เช่น อัดเสียงร้อง อัดเสียงพากย์ทำคลิป หรือใช้เสียงเอฟเฟค (Sound Effect) มาประกอบเพื่อใช้ทำงานด้านสื่อต่าง ๆ

ที่มา: thaiware

Tags

แชร์:

เรื่องอื่นๆ